วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

รวบรวมประโยคสัมภาษณ์ G-dragon แบบจี๊ดๆ(ทั้งเก่าและใหม่)


นอกจากเพลง ดนตรี แฟชัน คาแรกเตอร์ และความห่าม ของน้องหนูจี จะเป็นที่รักแล้ว
อย่างหนึ่งที่ทำให้เราชอบจียงจนถอนตัวไม่ขึ้นก็คือ 'วาจา' 
ในแต่ละบทสัมภาษณ์ หรือบทความของเขา มันมักจะมีคำเจ๋งๆ
แง่คิดดีๆ แฝงเอาไว้ในนั้น จนเหมือนกับเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาดูแตกต่าง
ความคิดที่ไม่เหมือนใคร คำพูดตรงๆ ความกล้าบ้าบิ่น และคำคมเจ๋งๆ 
 เลยอยากลองรวบรวมประโยคเด็ดๆ เหล่านั้นมาไว้ในเอนทรี่นี้....
อ่านดูกี่ที...ก็ยิ่งรู้สึกรักมันมากขึ้นเรื่อยๆ....

.
.
.
.
.
.
.
อย่าทำอะไรแค่พอเหมาะพอดี
ไม่ว่าจะเรื่องเรียนความฝัน หรือความรัก
ถ้าไม่กล้าเผชิญกับความหวาดกลัวในความล้มเหลวและหมดหวัง
ก็เหมือนกับไม่รักษามารยาทขั้นต่ำของความเป็นวัยรุ่น
ถึงจะล้มก็ไม่เป็นไร พวกเรายังเป็นแค่เด็กเท่านั้น...



หากกลิ้งก้อนหิมะขนาดเท่ากำปั้นให้ใหญ่ขึ้นก็สามารถสร้างเป็นตุ๊กตาหิมะได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องเริ่มดูสักครั้ง อะไรๆมันก็ยากแค่ตอนแรก ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือธรรมชาติของคนก็ต้องพยายามเพื่อให้พัฒนายิ่งขึ้น



พยายามแล้วมีความสุขมีความสุขแล้วพยายาม... มันคือวิถีปลดปล่อยของผม



พวกเราต้องก้าวไปข้างหน้าครับ แม้ว่าจะครึ่งก้าวก็ตาม




ช่วงอายุ 20 ของผมเหมือนการปีนป่ายขึ้นไปบนบันได
แต่ละคนจะต้องค้นหาตัวเองเพื่อที่จะก้าวเดินต่อไปในครั้งที่เขาเป็นวัยรุ่น และช่วงอายุ20 มันจะเป็นเวลาที่คุณต้องค้นหาเส้นทางเพื่อที่ก้าวไปสู่จุดหมายของแต่ละคน พร้อมกับเลือกบันไดที่คุณจะต้องปีนป่ายขึ้นไป ถ้าเลือกถูกคุณก็ปีนไปถึงจุดหมาย ถ้าเลือกผิดคุณก็ตกลงมาได้เช่นกัน




คุณเคยพยายามที่จะไม่เป็นตัวของตัวเองหรือเปล่า มันไม่ใช่ว่าผมพยายามจะไม่ทำให้มันดูเหมือนตัวผมเอง แต่ผมพยายามที่จะใช้เวลาในการอยู่ในกระแสความรู้สึกนั้นและแสดงถึงด้านต่างๆของผม ดูโกรธและยิ้มแย้มในเวลาเดียวกัน



พวกเราไม่แคร์เกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอก เลยแม้แต่นิดเดียว  เพราะผมไม่ใช่คนที่ดูดีที่สุด มันเลยไม่ได้ออกมาเป็นแบบนั้น การโอ้อวดว่าดูดีนั้นมันไม่เหมาะกับผม



ผมไม่เคยโยนเสื้อผ้าที่ผมซื้อมาทิ้ง ถึงแม้เทรนด์นั้นจะผ่านไปแล้ว แต่ผมสามารถใส่มันและทำให้มันดูดีได้ ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่กับการที่คุณใส่มันอย่างไรต่างหาก



ถ้าคุณฟังเพลงในอัลบั้มของผม คุณจะรู้ว่าผมใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างไรและคิดอย่างไรเกี่ยวกับตัวผม



ผมก็ทำ งานหนักนะครับ เมื่อทุกคนกำลังนอนหลับ ผมเขียนเพลง ผมค่อนข้างจะนอนน้อย ผมหมายถึงทำไมหล่ะทำไมเขาถึงเกลียดสิ่งที่ผมทำมากนัก ทั้งๆ ที่ผมยังเด็กและยังต้องเจ็บปวดต่อไปเรื่อยๆ



ถ้าผมไม่มีพรสวรรค์ ผมก็คงทำสิ่งพวกนั้นไม่ได้หรอก แต่ผมก็ใช้พรแสวงมากอยู่ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าผมมีความสามารถมากกว่าคนอื่นอยู่บ้างเหมือนกัน



'Head and thinking cold, heart hot' วลีนี้คือการเคลื่อนไหวของผม ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก



ผมมักจะทดลองเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆและท้าทายตัวเอง ก็เหมือนกับที่คุณเห็นนั่นแหละ



ผมรู้สึกสบายมากและปล่อยตัวเวลาอยู่บ้านไม่ได้ทำอะไรเลย และเป็นตัวเองมากที่สุดเวลาผมอยู่กับดนตรี



ตอนนี้ละ สภาวะ G-dragon syndrome ได้เริ่มขึ้นแล้วว



ผมอยากกลายเป็นคนที่เหมือนเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (หัวเราะ) บางครั้งผมยังเหมือนเด็กดังนั้นผมเลยอยากที่จะโตขึ้น



คำพูดที่พวกศิลปินได้ยินกันบ่อยๆ และจะพูดกับตัวเองหลายต่อหลายครั้งก็คือ "ครั้งต่อไปนั้นสำคัญที่สุด"
แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเป็นศิลปินคือ แม้ว่าพวกเราจะทำมันได้ดีแล้ว แต่ 'ครั้งหน้าจะสำคัญกว่านี้เสมอ ผู้คนทั่วไปอาจจะคิดว่าการเป็นคนที่มีชื่อเสียงมันง่าย แต่มันไม่ใช่เลยจริงๆ"



"ผมแค่ไม่รู้ว่าชีวิตตอนนี้มันจะจบลงที่ตรงไหน เมื่อไรก็ตามที่ผมเห็นแฟนๆพูดว่า 'บิ๊กแบงช่วยสร้างความฝันให้กับพวกเราผมจะรู้สึกว่า 'นี่ไม่ใช่เรื่องตลกแล้วนะเว้ยผมรู้สึกว่าความรับผิดชอบมันเพิ่มขึ้นมาน่ะครับ ไม่ใช่แค่ความฝันของตัวเอง ของวง แต่เป็นความฝันของแฟนๆด้วย"



ผมเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมต่อสาธารณชน เพราะฉะนั้นผมจะเชื่อในสิ่งที่สาธารณชนตัดสินในตัวผม ถ้าพวกเขาบอกว่าผิด มันก็คือความผิดของผมเอง...



ตอนนั้นผมค่อนข้างมีอคติกับคำว่าไอดอลน่ะครับ พร้อมกับคิดว่า 'ค่ายที่โฟกัสกับเพลงฮิพฮอพมาตลอดกำลังพูดถึงการสร้างวงไอดอลนี่มันอะไรกันวะเนี่ย'"



ผมไม่อยากจะเต้นหรือทำอะไรๆเหมือนคนอื่นอะ ไม่ใช่ว่าผมเกลียดการเต้นนะครับ แต่ผมอยากจะเต้นในท่าที่เป็นสไตล์ผม ผมไม่ค่อยชอบอะไรที่ต้องทำเหมือนกัน แต่งตัวเหมือนกัน หรือเต้นเหมือนกัน



"'นักร้องพวกนั้นน่ะโง่ พวกเขาก็แค่เป็นหุ่นเชิดของบริษัท' ผมไม่ชอบอคติอะไรแบบนั้นจริงๆครับ ผมอยากจะเป็นนักร้องที่สามารถแสดงความคิดของตัวเองได้



ผมมักจะคิดกับตัวเองเสมอว่าผมต้องไม่อวดดีหรือคิดว่าทุกอย่างเราทำได้ด้วยตัวเอง



ตอนที่ผู้คนเห็นผมภายนอกอาจจะพูดว่าผมมันงี่เง่า แต่ตอนที่ผมกำลังทำงาน ผมคำนวณทุกอย่างไว้หมดแล้วด้วยนิสัยของคนกรุ๊ป ผมบอกตัวเองเสมอว่าต้องใส่ใจและจริงใจ หลายคนถึงได้บอกว่าผมโหดตอนทำงาน



ผมทำเพลงเองมาตั้งแต่อัลบั้มแรก ในฐานะของโปรดิวเซอร์แล้ว ผมคิดว่าบิ๊กแบงสำคัญมากกว่าตัวเองแน่นอน แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าน้ำตาจะไหลออกมาอยู่เลย



ไม่ว่าจะเป็นการลอกจริงๆหรือไม่ ในความคิดของผม การมีคำว่า 'ผู้คัดลอกผลงานตราหน้าอยู่ ก็เป็นเรื่องที่น่าขายหน้ามากแล้วครับ



ผมคิดว่าที่เดียวที่ผมจะสามารถตอบคำถามได้ทั้งหมาดจากเพลงของผมก็คือการแสดงบนเวทีครับ




ถ้าเขาเกลียดผมจริงๆ เขาคงไม่สนใจผมหรอก บางที เพราะคนเหล่านี้ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมต้องพยายามให้หนักกว่านี้ครับ



แทนที่จะมานั่งคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะระหว่างผมกับคนที่เกลียดผม ผมกลับคิดว่าผมควรที่จะพยายามให้หนักยิ่งขึ้น จนกว่าคนพวกนั้นจะหมดไปจากโลกมากกว่าครับ ผมไม่สามารถตอบโต้สาธารณชนได้ครับ เพราะศิลปินต้องทำงานกับสาธารณะ มันก็เหมือนกับการเป็นนักเรียน ผมกำลังรู้สึกว่าผมได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว และตอนนี้ก็กำลังหวังว่าคุณครูจะชมเชยน่ะครับ




มันจะมีช่วงเวลาแย่ๆแบบนี้เป็นหมื่นเป็นแสนครั้งเลย ถ้าคุณอยู่ตำแหน่งที่สามารถถูกโจมตีได้ เกาหลีเป็นประเทศเล็กๆ ดังนั้นการอยู่ในตำแหน่งแบบนั้นมันท้อแท้จริงๆครับ ผมเข้าใจนะ แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดทุกที เมื่อปีกของเราใหญ่ขึ้น เราก็จะบินไปได้ไกลมากขึ้น ตอนนี้ผมมาไกลเกินกว่าจะยอมแพ้แล้วครับ ตรงจุดนี้ เราไม่สามารถที่จะหันหลังกลับไปได้แล้ว ผมพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว พูดตามตรงเลยนะครับ ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจและรักผมมากกว่านี้




ผมรู้สึกผิดมากต่อทุกๆ คน ผมเป็นคนตรง มีความรับผิดชอบ และสำนึกในสิ่งที่ตัวเองได้ทำ



มันไม่สำคัญหรอกว่าใครจะอยู่ SM หรือ JYP หรืออะไรก็ตาม ผมชอบทุกคนแหละ หลายครั้งที่มีความคิดแบบว่า 'อา คนๆนี้จะต้องผ่านความเจ็บปวดมาเยอะมากแน่ๆ' ไม่ก็ 'เราควรจะแนะนำเรื่องนี้กับเขาดีมั้ยนะ' ผมคิดว่าตอนนี้หัวใจของพวกเรากำลังเปิดรับกันและกัน และผมก็อยากทีจะให้รุ่นน้องเข้ามาทำความรู้จักและพูดคุยกับเราด้วยเหมือน กัน




ผมเป็น perfectionist เพราะผมชอบให้ทุกอย่างมันเป็นระเบียบ ผมเกลียด เวลาที่มีอะไรบาง อย่าง ผิดพลาด และไม่เป็นระเบียบ มันก็เหมือนกับความสัมพันธ์กับคนอื่น ถ้าผมไม่พอใจอะไรหรือกับใคร ผมก็จะรีบพูดทันที ผมไม่ชอบเก็บมันไว้ แต่ ผู้คนส่วนใหญ่พยายามที่จะ หลีกเลี่ยง ไม่ยอมทำความเข้าใจอย่างนี้




ผมมักจะถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่า "นายมันไร้ความเคารพ ทำตัวโง่ๆ หน้าตาไม่รับแขก" หรืออะไรทำนองนั้น แต่มันเป็นธรรมชาติของผมที่ทิ้งไม่ได้นะ แม้ว่ามันจะยากยังไง ถึงผมอยากจะบอกกับคนอื่นว่า 'ไม่ใช่นะครับให้ตายแค่ไหน ท่าทางของผมที่สื่อความคิดออกมากลับรู้สึกได้ถึงภาพของ 'คนโหดร้ายตลอดเลย




ในเส้นทางที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ถ้าเดินออกจากตรงนี้ พวกเราก็ไม่มีที่อื่นให้อยู่หรือไป




ความสามารถส่วนตัวคาแรคเตอร์และความพยายามที่แตกต่างของพวกเราทำให้มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพายเรือลำเล็กๆ นี้ไปให้ถึงฝั่ง ไม่มีพื้นที่ว่างพอที่จะยินยอมอย่างใจดีให้กับความตกต่ำลงของแต่ละคน สมาชิกทุกคนเข้าใจความจริงนี้ดีแต่ว่า 'ความพยายามอย่างหนักยังคงเป็นเพียงพื้นฐาน แต่ถ้าหาก 'ทำได้ไม่ดีทุกๆ คนก็รู้ถึงความโหดร้ายที่จะไม่สามารถอยู่ในเรือลำเดียวด้วยกันได้แน่นอน



เมื่อก่อนผมก็เป็นเด็กที่ลุยเดี่ยวตลอดโดยไม่ต้องพึ่งคู่หู ไม่ว่าจะต่อหน้าผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่าหรือต่อหน้าผู้คนอื่นๆ ผมก็จะเป็น 'เด็กอนาคตไกลที่ไม่เคยตื่นกลัว



วิธีคิดของผมคือ ถ้าทำได้ดีก็จะมีความสุขแต่ถ้าทำไม่ได้ต่อไปเดี๋ยวก็ทำได้เอง



เรื่องโง่ยิ่งกว่าความล้มเหลว คือการไม่พยายามและหวาดกลัวต่อ มัน



เพื่อไม่ให้ตกสู่ความทุกข์ไร้สาระพวกนี้ ผมคงต้องทำตัวแย่กว่าแต่ก่อนแล้วผมก็ต้องกลายเป็นคนเลวสำหรับคนอื่น



ประธานยางฮยอนซอกเคยบอกเอาไว้ว่า 'ทำให้ดีที่สุด และรู้ไว้ว่าสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ มันต่างกัน’ ซึ่งความ หมายของมันก็คือ 'ความสามารถที่มีอยู่กับตัว กับการแสดงออกมาด้วยความพยายามมันต่างกัน'




มันไม่มีประโยชน์เลยที่จะพูดว่า "ก็ดีแล้ว" หรือ "ทำดีแล้ว" เพื่อแคร์ความรู้สึกของใครต่อใคร ถ้ามันไม่ดี ผมก็จะพูดว่าไม่ดี...ก็แค่นั้น


เพราะเริ่มต้นก่อนคนอื่น ตอนนี้ก็เลยได้รับการยอมรับที่ไม่ค่อยสมควรจะได้รับนัก แต่ว่าพวกเราก็ต้องรู้จักถ่อมตัว และถ้าไม่รู้จักพัฒนาตัวเอง ไม่นานก็อาจจะถอยหลังก็ได้

'การที่พวกเราพยายามไม่ว่านานแค่ไหน พวกเราก็ยังคงเป็นเด็กฝึกหัดอยู่เสมอ



'ก่อนจะเป็นศิลปิน เป็นคนให้ได้ก่อน'
ถึงจะร้องเพลงเก่งก็จริง แต่จะเป็นศิลปินที่ได้รับการเคารพและยอมรับได้หรือเปล่าถ้าเป็นคนที่ไม่สนใจวิธีการอะไรๆเลยแล้วคนอื่นเค้าจะให้ความรักหรอคนที่ไม่รู้จักทำความรู้จักกับคนอื่นหรือมีความรู้สึกซาบซึ้งต่ออะไรๆจะ สามารถเขียนเนื้อเพลงเพราะๆออกมาได้หรอ?




ทั้งเนื้อเพลงและเมโลดี้ในเพลงที่ผมแต่งมาจาก ประสบการณ์ของผมทั้งหมดครับ แม้ว่ามันอาจจะเป็นแค่ประสบการณ์ที่ผ่านจากการคุยกับผู้คนหรือดูภาพยนตร์ก็ ตาม ตอนที่ผมมีความรัก ผมก็เขียนได้แค่เนื้อเพลงที่เต็มไปด้วยความสุข แต่ตอนที่ผมอกหักก็มีแต่เนื้อเพลงเศร้าๆที่แล่นมาในหัว




สำหรับผม ดนตรีสร้างแรงบันดาลใจให้หัวใจและร่างกายของผม และทำให้ผมมีลมหายใจ เวทีสุดวิเศษทำให้หัวใจผมยังคงเต้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากผมไม่ได้เลือกเดินในสายดนตรี แล้วผมจะทำอะไรผมเองคงไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามนี้ได้เหมือนกัน




ถ้าผมอยู่คนเดียว แต่สามารถทำให้คนฟังเพลงเพิ่มขึ้นได้ แม้จะเป็นเพียงน้อยนิด ผมก็พอใจ. โดยส่วนตัวผมคิดแบบนั้น เมื่อคนได้ยินเพลง จะต้องอยากฟังมันอีก โดยธรรมชาติแล้ว คนฟังเพลงจะช่างเลือก ประมาณว่า เพลงที่ฟังเป็นเพลงอะไร แตกต่างกันรึเปล่า คุณภาพแย่ไหม .นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม นักดนตรีจะต้องเป็นมากกว่านักร้องที่ดี และทำให้ผู้คน เลือกซื้ออัลบั้มของตนได้.เพราะฉะนั้นการทำงานเพลงให้ออกมามีคุณภาพดี จึงสำคัญมากสำหรับผม



ตอนนั้นในช่วงเย็นวันหนึ่ง อยู่ดีๆ ก็เกิดฝนพายุรุนแรงพัดอยู่นอกหน้าต่าง ลมพัดแรงถึงขนาดทำให้เม็ดฝนสาดเข้ามาในช่องระหว่างหน้าต่างที่เปิดอยู่ ตอนที่ผมกำลังจะปิดหน้าต่าง ผมก็เห็นแมงมุมตัวนึงกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดกับพายุฝน
แมงมุมตัวเล็กถูกหยาดฝนสาดกระทบร่างกาย ไม่นานมันก็ไต่ขึ้นด้านบนไปยังใยแมงมุนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าโดยปกติแล้วผมจะไม่จ้องมองอย่างสนอกสนใจขนาดนี้ แต่ว่าในวันนั้น ภาพของแมงมุมตัวเล็กนั้นไม่เหมือนกับตัวอื่นๆ เลย ผมลืมความจริงที่ต้องปิดหน้าต่างไปสนิทและจ้องมองไปยังแมงมุมตัวนั้นเฉยๆ เวลาที่ได้มองสิ่งมีชีวิตเล็กตัวนั้นแล้วความรู้สึกประหลาดใจก็ไหลเข้ามา
เจ้าเพื่อนตัวนี้คงรู้ เมื่อพายุฝนผ่านไปแล้วท้องฟ้าที่สดใสก็จะปรากฏอีกครั้ง แม้ว่าใยแมงมุมจะถูกทำลายเพราะลมพายุนั้น แต่สิ่งเดียวที่เลือกทำได้ตอนนี้คือพยายามต่อไป
สิ่งที่แมงมุมกระเสือกกระสนอยู่บนใยบางๆ นั้นคือ 'การ มีชีวิตรอด' และสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างของผมคือความฝันที่จะเป็น ศิลปิน’ ถ้าไม่มีความเอาจริงเอาจังก็จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่การได้สนุกกับชื่อเสียงยิ่งใหญ่ แต่เป็นความกระตือรือร้นที่อยากจะร้องเพลงและหายใจไปกับผู้คนที่ร้องเพลงของผมต่างหาก! ชีวิตที่ทำให้ผมมีชีวิตอยู่อย่างมีความหมายเพื่อความสำเร็จในความฝันนั้น… นอกจากสิ่งนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมมีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว





compilation by : http://horrorpig.exteen.com

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบมากอ่ะทุกคำพูดทุกประโยค พอได้อ่านแล้ว รู้สึกได้เลยว่าการพยายามสำคัญแค่ไหน แม้ไม่เก่งไม่ดีพอ แต่ถ้าพยายามมันจะดีขึ้นมาเองอาจไม่รวดร็วทันใจแต่มันจะค่อยๆดีขึ้นดีขึ้น เราจะเข้ามาอ่านทุกครั้งที่รู้สึกท้อต่อสิ่งที่เป้นอยู่TT

    ตอบลบ